Last updated: 25 ส.ค. 2568 |
Rachael Yamagata (ราเชล ยามากาตะ) ภูมิใจเสนออัลบั้มชุดใหม่ในรอบเกือบ 10 ปี Starlit Alchemy ที่จะวางจำหน่ายในวันที่ 3 ตุลาคมนี้ ผ่านทาง Jullian Records
Rachael Yamagata ได้ชื่อว่าเป็นศิลปินอิสระ ผู้มีน้ำเสียงอันเป็นที่จดจำได้ทันทีและเปี่ยมด้วยอารมณ์อย่างจริงใจ เธอเริ่มเป็นที่รู้จักในช่วงต้นทศวรรษ 2000 จากอัลบั้มแรก Happenstance ซึ่งได้รับเสียงชื่นชมอย่างมาก ตลอด 20 ปีบนถนนสายดนตรี เธอสร้างฐานแฟนเพลงอันเหนียวแน่นด้วยความสามารถในการแต่งเพลงที่จริงใจและเล่าเรื่องดั่งภาพยนตร์ บวกกับการแสดงสดที่เปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณ เธอส่งอัลบั้มที่ได้รับความนิยม อย่าง Elephants…Teeth Sinking Into Heart, Chesapeake และ Tightrope Walker จากความโดดเด่นเรื่องการผสานความเปราะบางที่ทำให้เจ็บปวดเข้ากับอารมณ์ขันแบบเจ็บๆ และความเข้มแข็งที่ไม่เกรงกลัวสิ่งใด เธอได้ร่วมงานกับศิลปินหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Liz Phair (ลิซ แฟร์), Toots and The Maytals (ทูทส์ แอนด์ เดอะ เมย์ทัลส์), Ray LaMontagne (เรย์ ลามอนแทง), Ryan Adams (ไรอัน อดัมส์) และ Bright Eyes (ไบรท์ อายส์) ขณะเดียวกันเธอก็ก้าวเดินอย่างอิสระบนเส้นทางของตัวเอง โดยอยู่นอกเหนือจากระบบค่ายเพลงยักษ์ใหญ่
ตอนนี้ เธอกลับมาพร้อมผลงานที่ไม่เพียงมาจากสัญชาตญาณ แต่ยังผ่านการกลั่นกรองมาอย่างตั้งใจ Starlit Alchemy ไม่ใช่แค่การรวมซิงเกิลหรือรายชื่อเพลงที่สร้างโดยระบบแนะนำ แต่มันคือ “อัลบั้มที่ลึกซึ้ง” ซึ่ง Yamagata ต้องการสื่อว่า นี่คือผลงานที่ต้องตั้งใจฟังอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นจนจบอัลบั้ม “ฉันรู้มาตลอดว่ามันจะเป็นอัลบั้มที่ต้องฟังต่อเนื่องจากเพลงหนึ่งไปสู่อีกเพลงหนึ่ง” เธอกล่าว “เพลงเหล่านี้เริ่มต้นจากแรงผลักดันที่ฉันอยากถ่ายทอดในสิ่งที่ฉันกำลังเผชิญและได้รับรู้มา ก่อนที่ภายหลังฉันจะตระหนักว่ามันเป็นเรื่องราวที่ร้อยเรียงกัน มันค่อยๆ กลายเป็นแผนที่ที่ฉันทำขึ้นหลังการเดินทาง ไม่ใช่ก่อนที่จะเริ่มเดินทาง เรื่องราวทั้งหมดอยู่ในนั้น”
ซิงเกิลแรกของ Rachael อย่าง “Birds” ถูกปล่อยออกมาแล้ว บรรณาธิการคนหนึ่งบรรยายถึงเพลงนี้ว่า “การครุ่นคิดที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้า แต่ก็ร่าเริงได้อย่างน่าประหลาดใจเกี่ยวกับสัญญาณ ความทรงจำ และปรัชญาว่าด้วยความจริงในธรรมชาติ” เพลงที่ได้แรงบันดาลใจจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันของการที่นกบินชนเข้ากับหน้าต่างของเธอ - แต่งขึ้นถึงลูกพี่ลูกน้องที่โศกเศร้าจากการสูญเสียคุณแม่ที่จากไปนานแล้ว - จนกลายเป็นเพลงที่แฝงสารเอาไว้ : ผ่านเนื้อเพลงเรียบง่าย อารมณ์ตรงไปตรงมา และ เต็มไปด้วยความหวัง “ความรู้สึกโดดเดี่ยวในระดับลึกที่ยังคงอยู่เมื่อเราสูญเสียใครสักคน แต่ยังต้องมีชีวิตอยู่ท่ามกลางความบ้าคลั่งของโลกใบนี้ มันโดนใจฉันอย่างมาก สำหรับฉันแล้วม่านที่กั้นระหว่างโลกใบนี้กับอีกฝั่งหนึ่งมันเหมือนเส้นกั้นบางๆ มันเป็นเครื่องเตือนใจให้เราคอยสังเกตสัญญาณจากผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว – โดยเฉพาะในเวลานี้ที่โลกเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย”
เรื่องราวในอัลบั้มชุดนี้ - เป็นการสูญเสียสิ่งสำคัญและการค้นพบสิ่งใหม่ๆ ในระดับสากล - ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ ตลอดระยะเวลาหลายปีที่เธอได้ปรับโครงสร้างชีวิตและกล้าเสี่ยงทางความคิดสร้างสรรค์ “มันเริ่มต้นจากการเป็นอัลบั้มที่ถ่ายทอดความคิดแบบไหลลื่นตามจิตสำนึกและเดโมแรกที่ฉันทำเหมือนเพลงประกอบหนังสั้นที่เล่นต่อเนื่องโดยมีท่อนเชื่อมในแต่ละเพลง” และแม้เนื้อหาจะหนักหน่วงแต่ประสบการณ์ที่ได้รับไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย Starlit Alchemy ไม่ได้เกี่ยวกับการหลีกหนีจากความเจ็บปวดแต่เพื่อก้าวผ่านและเติบโตไปพร้อมมัน “มันคือการลงลึกถึงบาดแผลทางใจกับความงดงาม และความหวานอมขมกลืนของสองสิ่งที่ดำรงอยู่คู่กัน ความกลัว, การสูญเสีย, ความโศกเศร้าคือแกนหลักสำคัญ, แต่สิ่งมหัศจรรย์จะเกิดขึ้นเมื่อคุณดื่มด่ำกับประสบการณ์นั้นอย่างเต็มที่ มันจะเริ่มนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น ความเข้มแข็งก่อตั้วขึ้นในช่วงเวลาที่ยอมจำนนและตัวตนในอดีตของคุณจะถูกสลัดทิ้งไป” แล้วแนวเพลงมันเป็นอย่างไร Yamagata จะตอบได้เพียงว่า “ลองนึกภาพ Tom Waits เป็น Willy Wonka และ Ricki Lee Jones เป็น Dorothy ในโลกของเสียงดนตรี โดยได้รับคำแนะนำจาก Hans Zimmer และ Joni Mitchell จากอัลบั้ม Both Sides now จะว่าไปฉันก็ไม่ได้เชี่ยวชาญในสิ่งเหล่านี้เท่าไร ขออภัยถ้าฟังดูเหมือนเสแสร้งไปบ้าง”
Photo credit: Laura Crosta