Last updated: 28 ม.ค. 2568 |
เดินทางเข้าสู่ซิงเกิลที่ 3 แล้วของวง KALIPSE (คาลิปซี่) ชาร์ลี ชนิสรา แมคเคย์ (นักร้องนำ) และ ดีน ใจยุทธ เฮงวิชัย (มือเบส) วงดนตรีที่ีสไตล์ที่ชัดเจนกับดนตรีแบบ Alternative R&B และซิงเกิลใหม่นี้มีชื่อว่า “If Only” หากว่าคุณเคยมีความรัก แต่สุดท้ายต้องจำยอมเลิกรากันไป ทั้งที่ยังรักอยู่ ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด มันจะมีสักชั่ววูบนึงไหม ที่เราแอบจินตนาการเล่นๆ ว่า ในตอนนั้นหากได้พยายามฝ่าฟันช่วงเวลาอันแสนลำบากเพื่อให้ได้คบกันต่อ ความรักของเราจะเป็นอย่างไร
บางครั้งการที่ความสัมพันธ์ต้องจบลง ไม่ใช่ว่าเพราะการโกรธเกลียด แต่มันอาจเป็นแค่จังหวะเวลานั้นมันยาก ลำบากเหลือเกิน ซึ่งหากจะไปกันต่อ มันอาจจะดูฝืนเกินไปเปล่าๆ หรือว่ามันอาจจะแย่มากกว่านั้นจนส่งผลเสียต่อคนอื่นอีกในวงกว้าง จบแบบนี้คงดีที่สุด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า บางครั้งเราก็แอบคิดอยู่เหมือนกันว่า ถ้าหากเรายังฝืนไปกันต่อจนผ่านช่วงเวลาแย่ๆ นั้นมาได้ ชีวิตมันอาจจะดีก็ได้ เราคงจะไม่ต้องมานั่งคิดถึงกันอย่างตอนนี้
เรื่องราวนี้มาจากไอเดียของ “ดีน มือเบส” และเป็นคนเรียบเรียงดนตรีหลักของวง ซึ่งดีนได้นำเรื่องถ่ายทอดให้กับ “ชาลี นักร้องนำ” เป็นคนเขียนเพลงหลักของวง ทั้งสองยังคงแบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจนเสมอมาจนกระทั่งในเพลงนี้ โดยดีนได้ขึ้นโครงดนตรีที่มีไทม์ซิกเนเจอร์ 6/8 ที่มีความเร็วเพลงช้าๆ เพื่อให้ได้บรรยากาศที่ละมุน หวังให้ผู้ฟังรู้สึกสบายและชิว แต่ยังคงอารมณ์เพลงอย่างครบถ้วน ชาลีที่จะเขียนบรรยายหัวข้อนี้ให้ชัดเจนและเห็นภาพกว่าเดิม แน่นอนว่า เนื้อร้องในเพลงนี้จะเป็นการพรรณนาในจินตนาการถึงความสัมพันธ์ที่มันเคยดีในอดีตว่า หากมันยังไปกันต่อ แล้วมันจะเป็นอย่างไรในตอนนี้ มันอาจจะดีมากๆ หรืออาจจะแย่ลงกว่าก่อนหน้านั้น แต่สุดท้ายเนื้อเพลงก็จะพยายามสื่อเป็นนัยว่า อย่างไรก็ตาม เราไม่มีทางรู้ได้หรอก เราก็ทำได้เพียงแค่จินตนาการเท่านั้น
พอเดโม่ได้ถูกทำเสร็จ เข้าสู่ช่วงการบันทึกเสียงจริง ทางวงและ “ตุล ไวฑูรเกียรติ” Executive Producer ของเพลงนี้ได้ตัดสินใจว่าจะใส่เสียงเครื่องดนตรีที่มีจริตแบบมนุษย์เล่นมากขึ้น เพราะโดยปกติแล้วเพลงของ Kalipse จะมีความครึ่งๆ ระหว่างเสียงเครื่องดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ และเสียงเครื่องดนตรีสด แต่เพลง If Only จะมีความเทไปทางเครื่องดนตรีสดมากขึ้น อย่างกลองในเพลงนี้ก็จะยึดฟีลลิ่งตีจริงบนกลองอะคูสติก เบสก็จะเป็นเบสกีตาร์ที่ชัดเจนซึ่งเล่นไปตลอดทั้งเพลง กีตาร์ก็ถูกเล่นคลอไปตลอดเพลงแบบซัพพอร์ตอยู่ข้างหลัง และมีการเล่นแบบออกมาบรรเลงให้ฟังชัดๆ ในจังหวะที่สมควร ยิ่งไปกว่านั้น เพลงนี้จะมีการปรากฏของเสียง แซกโซโฟน มันมีความพิเศษต่อเพลงจริงๆ อย่างไม่อาจปฏิเสธได้ ซึ่งเสียงนี้จะส่งอารมณ์เพลงขึ้นไปอีกขั้น พอทุกอย่างหลอมรวมกัน มันจึงกลายเป็นดนตรีที่ฟังได้ ไพเราะ ผ่อนคลาย และชวนให้อยากเปิดฟังซ้ำๆ
เรื่องราวของ If Only ถูกส่งมอบสู่ผู้กำกับ MV (อาร์ม ภาณุวัฒน์ บัณฑิตนนท์) ก็ได้ถ่ายทอดเรื่องราวนี้อย่างตรงไปตรงมาและงดงาม MV จะเป็นเรื่องของผู้หญิงคนหนึ่งที่ได้ไปบาร์ ที่ตนเคยมากับคนรักคนเก่า แล้วก็พลันนึกถึงช่วงเวลาดีๆ ในตอนนั้นแล้วก็เผลอจินตนาการต่อเล่นๆ ว่า ถ้าตอนนี้เรายังรักกันอยู่ เราคงจะมีความสุขด้วยกันมาก แต่มันก็ทำได้เพียงแค่จินตนาการช่วงเวลาที่แสนหวานนี้จะเป็นการให้นักแสดง 2 คนมาเต้น Contemporary Dance ด้วยกัน ในอารมณ์ที่ทั้งสองมีความสุขสุดๆ ซึ่งลีลาท่าทางและสีหน้าก็ทำออกมาได้ยอดเยี่ยม ถือว่าเป็นการ บรรยายถึงช่วงเวลาดีๆ ของตัวละครได้อย่างมีสไตล์
“..เราจะไม่มีทางได้รู้เลยว่า ที่เราตัดสินใจจบความสัมพันธ์ไปนั้นทำถูกต้องแล้วหรือยัง แต่ก็ทำดีที่สุดแล้ว ณ ตอนนั้นไม่ใช่เหรอ จากนี้ถ้าทั้งสองยังไม่มีใคร ก็ขอให้โชคชะตาช่วยนำพาให้ได้กลับมารักกัน ระหว่างนี้ ขอให้ได้จินตนาการ อยู่ในความฝันถึงกันและกันไปก่อน มันอาจเป็นเพียงความสุขเล็กๆ ที่ยังสามารถหล่อเลี้ยงหัวใจของคนๆ หนึ่ง ต่อไปได้” ในยามที่ความเหงามันครอบงำจนน้ำตามันไหลออกมา หวังว่า “If Only” นี้ จะเป็นเพื่อนของคุณในยามที่ต้องการใครคนนั้นกลับมา แต่ก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสนั้นอีกหรือเปล่า อย่างน้อยๆ “If Only” นี้ ก็จะทำให้ผู้ฟังได้รู้สึกสุขใจไม่มากก็น้อย ในห้วงความฝันที่แสนหวานของคุณ
ติดตาม ชมมิวสิกวิดีโอ If Only วง KALIPSE ได้ทาง >> https://bit.ly/If_Only_Kalipse
และติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวได้ที่ https://www.facebook.com/SanamluangMusicOfficial
https://www.facebook.com/kalipse.band