Last updated: 28 ม.ค. 2568 |
◈ มีทีมระดับมัธยมศึกษา 49 ทีม จาก 40 โรงเรียน และทีมระดับอุดมศึกษา 11 ทีม จาก 7 มหาวิทยาลัยทั่วประเทศไทย เข้าร่วมการประกวดรอบคัดเลือก โดยมีทีมระดับมัธยมศึกษา 5 ทีม และทีมระดับอุดมศึกษา 3 ทีม ที่ได้ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ
◈ จัดการประกวดสุนทรพจน์รอบชิงชนะเลิศ พร้อมทั้งการอบรม ณ ประเทศเกาหลี เพื่อเชื่อมโยงกระแสความนิยมในการเรียนรู้ภาษาเกาหลีที่ล้นหลามในประเทศไทย ไปสู่การศึกษาต่อ ณ ประเทศเกาหลี ฯลฯ
◈ ถ่ายทอดความรู้สึกเกี่ยวกับอนาคต ความกังวลที่ต่างมีร่วมกัน และการปลอบประโลมใจ ฯลฯ ผ่านเนื้อหาที่ต้องการสื่อไปสู่เยาวชนเกาหลีเป็นภาษาเกาหลี
◈ มีการเชิญนักเรียนที่กำลังศึกษาภาษาเกาหลี (ระดับมัธยมศึกษา) จากทั้งประเทศกัมพูชา ฟิลิปปินส์ และลาว เข้าร่วมการประกวดรอบชิงชนะเลิศ ณ ประเทศเกาหลีในครั้งนี้ เพื่อขยายกระแสของภาษาเกาหลีในประเทศภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นายชเว ว็อนซ็อก ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษาเกาหลี ประจำประเทศไทยเปิดเผยว่า การประกวดสุนทรพจน์ภาษาเกาหลี รอบชิงชนะเลิศ ประจำปี 2566 จะจัดขึ้นที่ International Hall สถาบันศึกษานานาชาติ (NIIED) ในวันพุธที่ 11 ตุลาคม 2566 ณ เมืองซ็องนัม ประเทศเกาหลีใต้ โดยศูนย์การศึกษาเกาหลี ประจำประเทศไทย เป็นเจ้าภาพ พร้อมด้วยมหาวิทยาลัยสตรีด็อกซ็อง เป็นผู้จัด การประกวดสุนทรพจน์ รอบชิงชนะเลิศดังกล่าว และจัดการอบรมให้แก่ผู้เข้าร่วมการประกวด โดยการอบรมจะมีจนถึงวันที่ 13 ตุลาคม 2566 ในแถบกรุงโซลและจังหวัดคย็องกี เช่น สถาบันศึกษานานาชาติ (NIIED), มหาวิทยาลัยสตรีด็อกซ็อง เป็นต้น
การประกวดสุนทรพจน์ภาษาเกาหลีในครั้งนี้ จัดการประกวดภายใต้หัวข้อ “สิ่งที่เยาวชนไทยต้องการสื่อ ไปถึงเยาวชนเกาหลี” โดยให้เยาวชนไทยถ่ายทอดเรื่องราวไปสู่เยาวชนเกาหลีเกี่ยวกับความกังวล สิ่งต้องทำเพื่ออนาคต รวมถึงความยากลำบากที่ต้องเผชิญร่วมกัน ฯลฯ ในฐานะของเยาวชนที่อยู่ในยุคสมัยเดียวกัน เพื่อให้เยาวชนเกาหลีรู้สึกถึงความเข้าอกเข้าใจ และเป็นการปลอบประโลมใจซึ่งกันและกัน
นักเรียนนักศึกษาสามารถจัดที่ศึกษาภาษาเกาหลี จัดตั้งทีมโดยมีสมาชิก 4-5 คน ในนามตัวแทนของโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากคุณครู อาจารย์ผู้สอนภาษาเกาหลี ตลอดจนผู้อำนวยการโรงเรียน ฯลฯ เพื่อเข้าร่วมการประกวด โดยในปีนี้ มีทีมระดับมัธยมศึกษา 49 ทีม จาก 40 โรงเรียน และทีมระดับอุดมศึกษา 11 ทีม จาก 7 มหาวิทยาลัยทั่วประเทศไทย รวมกว่า 450 คนเข้าร่วมการประกวด และผลการตัดสินจากคลิปวิดีโอ ที่ส่งเข้าประกวดในรอบคัดเลือก มีทีมระดับมัธยมศึกษา 5 ทีม และทีมระดับอุดมศึกษา 3 ทีม รวมกว่า 80 คน ที่ได้ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ
ระดับมัธยมศึกษา เช่น ทีม ‘종이비행기’ หรือ ‘เครื่องบินกระดาษ’ (จากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา กรุงเทพฯ) ซึ่งนำเสนอประเด็นการอนาคตและความฝันของเยาวชนผ่านสัญญะของเครื่องบินกระดาษ
ระดับอุดมศึกษา เช่น ทีม ‘1301’ (จากมหาวิทยาลัยศิลปากร จังหวัดนครปฐม) ซึ่งตั้งชื่อทีมจากเบอร์สายด่วน 1301 ที่ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับยาเสพติด เพื่อเป็นการเตือนเยาวชนเกาหลีและไทยเกี่ยวกับภัยจากยาเสพติด
สำหรับทีมที่ได้อันดับที่ 1 ในการประกวด จะได้รับทุนการศึกษา ณ มหาวิทยาลัยสตรีด็อกซ็อง 1 ภาคเรียน หรือทุนอบรมภาษาเกาหลี 100% และทีมที่ได้ลำดับที่ 2-4 ก็จะได้รับประกาศนียบัตรและรางวัลเช่นกัน
นอกจากการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศแล้ว พร้อมกันนั้นจะมีการจัดการอบรมเพื่อให้ผู้เข้าร่วมการประกวด รอบชิงชนะเลิศได้เข้าใจเกี่ยวกับประเทศเกาหลี และเพิ่มความสนใจในการเรียนต่อที่ประเทศเกาหลีมากขึ้น โดยจะได้เรียนรู้ถึงระบบการศึกษาและโปรแกรมการศึกษานานาชาติของประเทศเกาหลีผ่านการเยี่ยมชมสถาบันการศึกษาต่างๆ เช่น สถาบันการศึกษานานาชาติ (NIIED), มหาวิทยาลัยสตรีด็อกซอง ฯลฯ และร่วมพูดคุยกับผู้ที่เกี่ยวข้อง ทุกคนจะได้สัมผัสวัฒนธรรมเกาหลีดั้งเดิม เช่น การเรียนรู้ด้านอาหารเกาหลี และการขับร้องพื้นบ้านเกาหลี (พันโซรี) รวมถึงจะได้สัมผัสความก้าวหน้าของเกาหลีผ่านการเยี่ยมชมล็อตเต้ทาวเวอร์ อีกทั้งยังมีนักเรียนจากประเทศกัมพูชา ฟิลิปปินส์ และลาว ที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประกวดรอบชิง ชนะเลิศในครั้งนี้ด้วย โดยมีจุดประสงค์ที่จะขยายกระแสการเรียนภาษาเกาหลีไปยังประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่อยู่ใกล้เคียง ซึ่งในทีมของแต่ละประเทศประกอบด้วย นักเรียนมัธยมศึกษาที่กำลังศึกษาภาษาเกาหลี 3 คน ครูผู้สอนภาษาเกาหลี 1 คน ผู้อำนวยการโรงเรียน หรือผู้เกี่ยวข้องจากกระทรวงศึกษาธิการอีก 1 คน นอกจากทุกคนจะได้มีโอกาสพูดคุยแลกเปลี่ยนโดยใช้ภาษาเกาหลีกับนักเรียนจากประเทศเพื่อนบ้านแล้ว ยังจะได้สัมผัสประสบการณ์ต่างๆ ที่ประเทศเกาหลีอีกด้วย
นายชเว ว็อนซ็อก ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษาเกาหลี ประจำประเทศไทย กล่าวว่า “การประกวดในครั้งนี้ ทำให้เรารับรู้ได้ถึงความสามารถทางภาษาเกาหลีอันโดดเด่นของนักเรียนชาวไทย และประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าในอนาคต นักเรียนไทยจะสนุกไปกับการเรียนภาษาเกาหลีเช่นนี้ และกลายเป็นบุคลากรที่มีความสามารถในการส่งเสริมสัมพันธไมตรีระหว่างเกาหลี-ไทย ตลอดจนมีส่วนช่วยในการพัฒนาของทั้งสองประเทศ”