2 ซุป'ตาร์แดนปลาดิบลัดฟ้าเยือนไทยโปรโมทหนัง See Hear Love 'ยามะพี' เปรยเรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องสุดท้ายของผมแล้ว

Last updated: 30 มิ.ย. 2566  | 

2 ซุป'ตาร์แดนปลาดิบลัดฟ้าเยือนไทยโปรโมทหนัง See Hear Love 'ยามะพี' เปรยเรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องสุดท้ายของผมแล้ว

         เหินฟ้ามาเยือนเมืองไทยอีกครั้งสำหรับ โทโมฮิสะ ยามาชิตะ หรือ 'ยามะพี' ไอดอลในตำนานจากทางฝั่งญี่ปุ่น คราวนี้เป็นการเดินทางมาโปรโมทภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของเขาอย่าง 'See Hear Love แม้จะมองไม่เห็น แม้จะไม่ได้ยิน แต่ก็รักเธอสุดหัวใจ' พร้อมกับยูโกะ อารากิ นางเอกของเรื่อง เมื่อวันพุธที่ 28 มิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา ณ โรงภาพยนตร์สยามภาวลัย ชั้น 6 ศูนย์การค้าสยามพารากอน

         See Hear Love เป็นภาพยนตร์แนวโรแมนติก-ดราม่า เรื่องราวของชินจิ อิซุโมโตะ (โทโมฮิสะ ยามาชิตะ) ผู้อุทิศตนและหาเลี้ยงชีพในฐานะนักวาดการ์ตูน เขาได้ยินว่าผลงานของเขาจะถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ จึงฉลองกับซาโอริ นากามุระ (ไมกะ ยามาโมโตะ) ผู้ช่วยของเขา แต่แล้วความสุขก็อยู่ได้ไม่นาน เมื่อเขาล้มป่วยและสูญเสียการมองเห็น ทำให้การ์ตูนเรื่องยาวที่กำลังวาดอยู่ต้องถูกระงับไป อีกทั้งยังไม่สามารถดูแลยายที่อาศัยอยู่ด้วยกันได้... ชินจิถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพังท่ามกลางความเหงาและความกลัว เขาคิดที่จะกระโดดออกจากระเบียง ทันใดนั้นเอง ฮิบิกิ ไอดะ (ยูโกะ อารากิ) สาวบกพร่องทางการได้ยิน ซึ่งเป็นแฟนการ์ตูนของชินจิได้เข้ามาช่วยเขาไว้ หลังจากนั้นชินจิและฮิบิกิก็ได้เริ่มต้นชีวิตอันน่ามหัศจรรย์ด้วยกัน

         See Hear Love กำกับการแสดงและเขียนบทโดย John H. Lee (ลี แจฮัน) ปรมาจารย์ด้านภาพยนตร์โรแมนติก ผู้สร้างเรื่องราวความรักอันยิ่งใหญ่ "A Moment to Remember" ในปี 2010 เขาได้กำกับ เรื่อง "Saying good-bye, oneday" ที่ทำให้ได้รับการยอมรับให้เป็นผู้กำกับที่มีมุมมองระดับสากล ตัวละครหลักในเรื่องเป็นผู้บกพร่องทางการมองเห็น รับบทโดย ยามะพี ที่ไม่ได้มีผลงานภาพยนตร์แนวรักมากว่า 6 ปี และด้วยความที่เป็นไอดอล เจ้าตัวจึงฝากผลงานร้องเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย ด้านอารากิมีผลงานภาพยนตร์และละครมากมาย ได้รับการสนับสนุนจากผู้คนทุกเพศทุกวัย ถือเป็นนักแสดงที่มีความนิยมสูง พร้อมกับมีความสามารถทางการแสดง อีกทั้งในปัจจุบันเธอยังเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ Dior Japan ไม่เพียงแต่ในญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ในหลากหลายประเทศในเอเชียก็ยังได้รับความนิยมเช่นกัน

         และในงานเปิดตัวภาพยนตร์รอบปฐมทัศน์ (Gala Premier) เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ที่ผ่านมานั้น 2 พระ-นางของเรื่องออกมาทักทายแฟนๆ ในโรงภาพยนตร์ในเวลา 17.30 น. ซึ่งก่อนอื่นสาวยูโกะได้กล่าวทักทายแฟนๆ ชาวไทยและแฟนๆ ในโรงภาพยนตร์เป็นภาษาไทยว่า "สวัสดีค่ะ อารากิ ยูโกะค่ะ ดีใจที่ได้พบเจอกันนะคะ" พร้อมบอกต่อว่า "สำหรับผลงานเรื่อง See Hear Love ที่ได้ร่วมงานกับยามะพีนั้น เธอได้เดินทางไปหลายๆ ประเทศเพื่อโปรโมทภาพยนตร์เรื่องนี้ สำหรับในเอเชีย ประเทศไทยก็ถือเป็นที่สุดท้ายแล้ว ดีใจมากๆ เลยที่ได้มาพบกับแฟนๆ และได้รับการต้อนรับอย่างอุ่นหนาฝาคั่งแบบนี้ ส่วนยามะพีนั้นทักทายภาษาไทยเป็นประโยคได้คล่องว่า "สวัสดีครับ (แฟนๆ กรี๊ดกระจาย) ผมชื่อโทโมฮิสะ ยามาชิตะ ครับ คิดถึงผมมั้ยครับ" แน่นอนว่าแฟนๆ ตอบ "คิดถึง" กลับไป ทำเอาเจ้าตัวยิ้มอารมณ์ดีก่อนกล่าวขอบคุณ และเผยว่าดีใจมากๆ เลยที่ได้กลับมาที่เมืองไทย ได้พบปะกับแฟนๆ ชาวไทยอีกครั้งนึง อาจจะเป็นเวลาไม่นานแต่ก็อยากให้ทุกคนได้ซึมซับช่วงเวลาเหล่านี้ ครั้งนี้ถือเป็นการทัวร์เอเชียที่ปิดท้ายที่ประเทศไทย ผลงานเรื่องนี้มีทั้งสตาฟฟ์และผู้กำกับเป็นชาวเกาหลี ใช้เวลาถ่ายทำนาน 2 เดือนที่ประเทศญี่ปุ่น ครั้งนี้ได้มีโอกาสมาโปรโมทผลงานครั้งนี้โดยตรงกับชาวไทยทุกคนก็เลยรู้สึกดีใจมากๆ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ไปโปรโมทมาหลายที่ทั้งเกาหลี, ไต้หวัน, ฮ่องกง และที่ไทยเป็นที่สุดท้าย เจ้าตัวยังขอบคุณแฟนๆ ชาวไทยที่ให้การต้อนรับและดีใจที่ได้มาพบปะกับทุกคนโดยตรงและได้มาพูดคุยในวันนี้ สาวยูโกะก็เน้นย้ำเหมือนยามะพีว่าได้มีโอกาสไปโปรโมทหลายๆ ประเทศในเอเชียและประเทศไทยเป็นที่สุดท้ายแล้วเลยรู้สึกเหงา แต่ว่าพวกเขาได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากแฟนๆ ชาวไทยทั้งเสียงกรี๊ดเสียงปรบมือเลยทำให้รู้สึกประทับใจ อิ่มเอมใจจริงๆ ดีใจมากที่ได้มาพบปะทุกคนในวันนี้และขอฝากผลงานเรื่องนี้ไว้

         ได้ยินมาว่าทั้งสองค่อนข้างสนิทสนมกับผู้กำกับที่เป็นชาวเกาหลี ก็เลยต้องทำถึงความประทับใจกับทีมงานทีมนี้ซักหน่อย ซึ่งยามะพีเล่าว่า เรื่องนี้ผู้กำกับเป็นชาวเกาหลี นี่เป็นกำแพงของการสื่อสารอย่างนึงและตัวเขารู้สึกได้ถึงความตั้งใจของสตาฟฟ์ที่ตั้งใจจะเรียนภาษาญี่ปุ่นเพื่อพูดคุยกัน และทางฝั่งนักแสดงเองก็พยายามเรียนรู้ภาษาเกาหลีจากทางสตาฟฟ์ ดังนั้นมันจึงเหมือนได้แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมเพื่อให้การทำงานออกมาราบรื่นที่สุด ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน มีการทานข้าวอุ่นๆ ด้วยกัน ก็รู้สึกว่าเป็นทีมงานที่อบอุ่นและสนุกในการทำงานมากๆ เลย ด้านยูโกะบอกว่าการทำงานกับสตาฟฟ์ที่เป็นชาวเกาหลี กำแพงเรื่องภาษาก็เป็นหนึ่งในอุปสรรคที่สร้างความลำบากในการทำงาน แต่สิ่งที่เธอรู้สึกได้เลยก็คือความพยายามของสตาฟฟ์ อย่างเวลาถ่ายทำ คนที่เธอรู้สึกว่าใกล้ตัวมากๆ เลยก็จะเป็นผู้กำกับที่เป็นชาวเกาหลี ตากล้องก็เป็นชาวเกาหลี พอเจอทั้งสองบ่อยๆ ก็รู้สึกทึ่งเลยว่า วันนี้พวกเขาได้คำศัพท์ญี่ปุ่นคำนี้ๆ อีกวันคำศัพท์ใหม่มาอีกแล้ว ได้เห็นความตั้งใจความพยายามของสตาฟฟ์และผู้กำกับในการเรียนรู้ภาษาญี่ปุ่น ทำให้เธอรู้สึกว่าไม่ได้การแล้วเธอต้องไปหาภาษาเกาหลีไปสู้กับเค้าบ้างแล้ว ได้แลกเปลี่ยนได้เรียนรู้กันทำให้รู้สึกว่าเป็นกองที่น่ารักมากยิ่งขึ้น และทำให้เธอรู้สึกว่าต้องพยายามมากขึ้นด้วย และการที่ได้กินข้าวร้อนๆ อร่อยๆ ด้วยกันทำให้สนิทกันยิ่งขึ้นจริงๆ

         เมื่อพูดถึงความยากของการรับบทเป็นผู้พิการทางสายตา ยามะพี เผยว่าก่อนจะมารับบท พอทราบว่าต้องเล่นเป็นผู้พิการทางสายตา ก็ได้ไปทำการบ้านมาคือได้ไปพบผู้พิการทางสายตาจริงๆ ทั้งผู้ที่พิการทางสายตาตั้งแต่กำเนิด หรือผู้พิการทางสายตาในภายหลัง ได้สอบถามความรู้สึกของพวกเขา เช่น ความรู้สึกแรกที่เรารู้ตัวว่าเป็นคนพิการทางสายตา รู้สึกอย่างไร เศร้าแค่ไหน เสียใจขนาดไหน แล้วพอรับรู้ถึงปัญหาของเรา มีวิธีการอย่างไรในการที่จะลุกขึ้นหรือเอาชนะปัญหาต่างๆ ด้วยตัวเอง พอได้พูดคุยก็ได้ไอเดียและเรียนรู้ประสบการณ์สำคัญในการที่จะมารับบทบาทในครั้งนี้ นอกจากพูดคุยแล้วก็ยังมีการเอามาอิมโพรไวส์ฝึกซ้อมด้วยตัวเองเช่น ฝึกการเดินด้วยไม้เท้า หรือการเอาผ้าผูกตาเพื่อฝึกการใช้ชีวิตดูเพื่อจะได้เข้าใจชีวิตของพวกเขาเหล่านั้นมากขึ้น ซึ่งการใส่ใจรายละเอียดและพิถีพิถันในการเตรียมตัวเหล่านี้ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งอย่างที่อยากให้ทุกคนเข้ามาชมภาพยนตร์เรื่องนี้

         ด้านสาวยูโกะบอกว่าบทบาทนี้ถือเป็นการบ้านที่หนักหนามากในการรับบทผู้พิการทางการได้ยินเพราะความจริงแล้วไม่ว่าจะพยายามปิดเสียงยังไง เราก็จะได้ยินเสียงตัวเอง วิธีการคือไปฝึกกับคุณครูที่เป็นผู้พิการทางการได้ยินจริงๆ และพิการมาตั้งแต่กำเนิด ได้คุยได้เรียนรู้ว่าคนเหล่านี้ใช้ชีวิตอย่างไร มีวิธีการดูสภาพแวดล้อมยังไง พอเราพิการทางการได้ยิน สิ่งที่สำคัญเลยในการใช้ชีวิตคือสายตา ได้เรียนรู้ว่าคนที่พิการทางการได้ยินเขาจะใช้สายตาในการรับรู้ข้อมูลสิ่งรอบตัวอย่างไร เวลาจะใช้สิ่งของ จะเปิดประตูเข้าห้องจะมีวิธีการอย่างไรในการรับรู้รายละเอียดเหล่านี้ ความทุ่มเทและรายละเอียดต่างๆ เหล่านี้เป็นสิ่งที่ตัวเธอรู้สึกว่าเป็นบทบาทที่มีคุณค่าในการเล่น อีกอย่างคือในเรื่องเธอจะต้องมีการเล่นเปียโน ซึ่งเป็นอีกอย่างที่เธอรู้สึกว่ายากมาก เพราะปกติคนเราเวลาเล่นเปียโนจะได้ยินเสียง แต่นางเอกในเรื่องจะต้องเล่นเปียโนโดยที่ไม่ได้ยิน จะทำยังไงให้เล่นเปียโนเพราะ ให้สื่อออกมาจากใจโดยที่คนเล่นไม่ได้ยินจริงๆ รู้สึกว่าตรงนี้เป็นอีกหนึ่งการบ้านที่สำคัญที่อยากจะสื่อออกมาผ่านตัวละครออกมาให้ดีที่สุด

         พระ-นาง ทั้งสองเคยเดินทางมาไทยหลายครั้งแล้ว แน่นอนว่าต้องเคยทานอาหารไทย หลายคนเลยรู้เมนูโปรดของแต่ละคน ซึ่งยามะพีบอกว่าชอบ 'ต้มยำกุ้ง' ชอบความที่มันเข้ากันดีระหว่างความเปรี้ยวกับความเผ็ดของต้มยำกุ้ง ส่วนสาวยูโกะบอกว่าจริงๆ แล้วก็ชอบต้มยำกุ้งและก็ผัดไทยด้วย แล้วก็ยังมีอีกเมนูที่เธอเรียกชื่อไม่ถูก เป็นเมนูที่เอาใบไม้มาพันอาหาร คุณล่ามเลยถามว่าที่หุ้มด้วยไก่ทอดหรือเปล่า 'ไก่ทอดใบเตย' อะไรอย่างนั้นใช่มั้ย สาวสวยบอกว่าอันนั้นก็ชอบเหมือนกัน แต่มันมีอีกเมนูที่หุ้มด้วยใบไม้แล้วไปอบไปต้มหรืออะไรแบบนี้ ถึงตรงนี้ล่ามบอกไม่มั่นใจว่าจะเป็น 'ห่อหมก' หรือเปล่า เอาเป็นว่าใกล้เคียงสุดก็น่าจะประมาณนี้แล้วกัน

         ช่วงท้ายทั้งสองยังฝากฝังให้แฟนๆ ไปชมภาพยนตร์ See Hear Love เริ่มจากสาวยูโกะ "ก่อนอื่นต้องบอกว่าดีใจมากๆ เลยที่ได้มีโอกาสมาพบปะแฟนๆ ในหลายๆ ประเทศ ประเทศไทยเป็นที่สุดท้ายที่ได้มีเอเชียทัวร์ ต่อไปก็อาจจะรู้สึกเหงาๆ นิดนึงนะคะเพราะเป็นที่สุดท้ายแล้ว รู้สึกดีใจที่ได้มาเจอทุกท่านอย่างนี้ สำหรับผลงานเรื่องนี้ มันทำให้ฉันรู้สึกว่าการที่เราได้ทำอะไรเพื่อใครสักคนโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนมันเป็นสิ่งที่จะทำให้เราภาคภูมิใจและรู้สึกว่าเป็นกำลังใจที่แข็งแกร่งให้กับตัวเราเอง อารมณ์มันเหมือนกับว่า บางทีการที่เราอยากจะทำอะไรให้ใครบางคน มันไม่ต้องมีอะไรตอบแทนหรอก มันไม่ต้องมีอะไรกลับมาหรอก เราทำด้วยใจ จากทั้งหมดของเรา นอกจากตัวเรามีความสุขแล้ว คนที่เขาได้รับเขาก็มีความสุข เราก็อิ่มเอมไปด้วย การที่เราสามารถทำแบบนี้ได้ (หยุดคิดไปค่อนข้างนาน) บางคนอาจจะรู้สึกว่า เราให้ความสำคัญกับคนอื่น เราดูแลคนอื่นดี แต่บางทีเราจะรู้สึกว่าตัวเราไม่ได้มีความสำคัญ อาจจะไม่ได้มีอะไรดีเด่น หรือละเลยตัวเอง แต่รู้มั้ยว่าการที่เราได้ไปดูแลคนอื่นอย่างดีแล้วคนอื่นเขารู้สึกถึงคุณค่าเหล่านี้ นั่นแหละคือการเติมคุณค่าให้กับตัวของเราเองด้วย เพราะฉะนั้นก็อยากจะให้ทุกๆ คนรู้สึกว่าตัวเรามีคุณค่าไม่แพ้คนอื่นๆ เลย ก็อยากจะฝากหนังเรื่อง See Hear Love ให้ทุกๆ คนได้ดู ได้สัมผัส ได้รักตัวเอง รักคนสำคัญของเรามากยิ่งขึ้น แล้วพอดูจบแล้วรู้สึกแฮปปี้ เรารักตัวเองมากขึ้น ก็อย่าลืมแนะนำสิ่งดีๆ แนะนำภาพยนตร์ของเราให้กับคนที่เรารัก คนที่เราให้ความสำคัญ ฉันดีใจมากๆ นะคะที่ได้เจอกับแฟนๆ ทุกคน"

         ด้านยามะพีฝากไว้ว่า "ผมได้มีโอกาสคุยกับผู้กำกับ ตอนแรกก็ไม่มั่นใจว่าจะทำเรื่องนี้สำเร็จหรือเปล่า ด้วยตารางงานหรืออะไรต่างๆ ด้วย แต่พอทำถ่ายทำออกมาได้สำเร็จก็รู้สึกว่ามันเป็นปาฏิหาริย์จริงๆ ตัวผู้กำกับบอกว่าในการทำงานหรืออะไรหลายๆ อย่างมันก็ไม่ได้ง่ายนะ ดีไม่ดีภาพยนตร์เรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องสุดท้ายก็ได้ ทำให้ผมรู้สึกถึงความตั้งใจและความใส่ใจรายละเอียดของเขาและทำให้ผมเองก็รู้สึกว่าต้องตั้งใจทำเต็มที่และดีไม่ดี ไม่รู้ว่าในอนาคตผมจะได้เล่นหนังหรืออะไรอีกมั้ย ผลงานเรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องสุดท้ายของผมแล้วก็ได้เพราะงั้นผมก็จะตั้งใจทำอย่างเต็มที่ที่สุด ก็เลยฝากออกมาเป็นผลงานเรื่องนี้ให้ทุกๆ คนได้ชมกัน ในเรื่องผมรับบทเป็นนักเขียนการ์ตูนแล้วจู่ๆ สูญเสียการมองเห็นก็เลยไปศึกษาจากนักเขียนการ์ตูนจริงๆ ว่าใช้ปากกาอะไร เขาต้องจับยังไง ลงรายละเอียดขนาดนั้น ก็เลยอยากถ่ายทอดให้ทุกคนได้รับชมกันด้วย และถึงแม้ผมจะมาไทยหลายครั้งแล้วก็ไม่อยากให้ทุกคนคิดว่า ไม่เป็นไรเดี๋ยวครั้งหน้าก็มาอีก เราไม่รู้ว่าอนาคตเป็นอย่างไร ก็อยากจะเก็บความทรงจำ เก็บโมเมนต์สำคัญนี้ไว้ให้มันดีที่สุด ก็ดีใจมากๆ ที่ได้พบกับทุกคนในครั้งนี้ ถ้ามีโอกาสหน้าเป็นไปได้อีกก็กะว่าไม่อยากให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย ผมอยากมาเจอกับทุกท่านอีกในอนาคต ขอบคุณทุกท่านมากที่มาพบกันในวันนี้ครับ"

        พลาดไม่ได้เด็ดขาดกับเรื่องราวที่เต็มไปด้วยความรักอันอบอุ่นหัวใจระหว่างนักวาดการ์ตูน 'ชินจิ' ที่ต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคที่ค่อยๆ ทำให้เขาสูญเสียการมองเห็น และ 'ฮิบิกิ' ผู้มีความบกพร่องทางการได้ยินแต่กำเนิดที่คอยช่วยเหลือเขา ผลงานสุดละเมียดละไมจากผู้กำกับลี แจฮัน และ 2 นักแสดงขวัญใจมหาชนอย่าง 'ยามะพี' & 'ยูโกะ อารากิ' 6 กรกฎาคม 2566 นี้ในโรงภาพยนตร์

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้