'โดโน่ไทย' ฉลองวาเลนไทน์ก่อนใครกับเสือขาวสุดหล่อ “แบคโฮ” ใน 2023 BAEKHO MINI CONCERT <BAEKHoney DAY> IN BANGKOK หวานสุดพลัง เติมเต็มความคิดถึงสุดอบอุ่น

Last updated: 17 ก.พ. 2566  | 

'โดโน่ไทย' ฉลองวาเลนไทน์ก่อนใครกับเสือขาวสุดหล่อ “แบคโฮ”  ใน 2023 BAEKHO MINI CONCERT <BAEKHoney DAY> IN BANGKOK หวานสุดพลัง เติมเต็มความคิดถึงสุดอบอุ่น

        dOnO (โดโน่ ชื่อแฟนคลับของหนุ่มแบคโฮ) ชาวไทย ได้ต้อนรับเดือนแห่งความรักก่อนใคร กับความสุขสุดพิเศษที่หวานล้ำยิ่งกว่าน้ำผึ้งเดือนห้าจากเสือขาวสุดหล่อ แบคโฮ (BAEKHO) ในงาน 2023 BAEKHO MINI CONCERT IN BANGKOK จัดขึ้น ณ ยูเนี่ยนฮอลล์ 2 ศูนย์การค้ายูเนี่ยนมอลล์ ในวันเสาร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา โดยผู้จัดฝีมือดีการันตีคุณภาพ D-SHOW THAILAND ครั้งนี้เป็นการกลับมาเยือนประเทศไทยอีกครั้ง ในรอบ 3 ปี ของ “แบคโฮ” 1 ในสมาชิก วง NU'EST ที่หันมาเป็นศิลปินเดี่ยวเต็มตัวหลังวงหมดสัญญา เขาเพิ่งเปิดตัวมินิอัลบั้มแรกของเขา "Absolute Zero" ไปเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา และได้หอบความรัก ความคิดถึง ที่กักเก็บไว้ตลอด 3 ปี มาเปลี่ยนเป็นพลังงานความสุขมอบให้กับโดโน่ไทยในมินิคอนเสิร์ตครั้งนี้ พร้อมจัดเต็ม! แท็กทีมวงดนตรีแบบเต็มแบนด์ มาร้อง เล่น กันแบบสดๆ เขย่าโสตประสาทของโดโน่ไทยให้ตื่นเต้นยิ่งกว่าที่เคย

        บรรยากาศของ BAEKHoney DAY ที่เต็มไปด้วยพลังของความสุข เริ่มต้นด้วยทุ่งดอกไม้สีแดงจากแท่งไฟที่สาดแสงสีชมพูสดใส โดโน่ส่งพลังเสียงกรี๊ดดังสนั่นฮอลล์ต้อนรับ “แบคโฮ” ขึ้นมาบนเวที กับเพลง 'LOVE BURN' และ 'BAD 4 U' ก่อนที่เขาจะทักทายแฟนคลับอย่างเป็นทางการ และต้อนรับทุกคนเข้าสู่งานมินิคอนเสิร์ตที่ชื่อว่าในวันนี้ เจ้าตัวไม่ลืมที่จะรัวภาษาไทยในฐานะไอดอลเกาหลีที่มาไทยบ่อยสุดคนนึงทั้ง "สวัสดีครับ" "ขอบคุณครับ" "ตื่นเต้น" ก่อนเปิดใจว่า "ดีใจที่ได้เจอกันใหม่นะครับ ทุกคนสบายดีใช่มั้ยครับ จะบอกว่าเพิ่งร้องไปแค่ 2 เพลงแต่เสียงกรี๊ดนี่สุดๆ ไปเลย ก็เลยเป็นห่วงอ่ะครับ ขอบคุณที่ส่งเอเนอร์จี้ดีๆ แบบนี้มาให้นะครับ เพื่อคอนเสิร์ตในวันนี้ผมก็แต่งตัวใสชุดเท่ๆ แต่งหน้า ทำผมมา แต่คือตอนนี้เหงื่อแตกจริงๆ (เหงื่อไหลเป็นน้ำเลยค่า) เหงื่อออกเยอะมากเลย มันเป็นเพราะเอเนอร์จี้ที่ทุกคนส่งมานั่นแหละครับ ขอบคุณครับ งานครั้งนี้ดีใจมากๆ เพราะมันเกิดขึ้นในช่วงที่ผมได้ปล่อยอัลบั้มโซโล่ของผมและผมก็ได้มีงานนี้ก็เลยเตรียมมาเยอะมากๆ เลย" และเนื่องจากชื่องานในวันนี้คือ BAEKHoney DAY เขาก็เต็มที่ที่จะเป็นฮันนี่ของทุกๆ คน ก่อนจะถามเป็นภาษาไทยแบบตะกุกตะกักเล็กน้อยว่า "ทุกคนพร้อมใช่มั้ยครับ" และบอกว่าอยากให้ทุกคนสนุกกันเต็มที่จนถึงเพลงสุดท้าย

        ว่าแล้วก็ไปต่อกับบทเพลงของ NU'EST ที่แฟนๆ คิดถึงและได้รับเสียงตอบรับล้นหลามอย่าง If we (우리가 사랑했다면) และ VVITH(사실말야) ซึ่งเจ้าตัวเผยว่าช่วงเวลาที่มีความสุขมากที่สุดคือตอนที่ได้มีโอกาสร้องเพลงบนเวทีแบบนี้ ต้องขอบคุณแฟนๆ มากๆ ที่หลังจากได้มีโอกาสขึ้นเวทีครั้งแรกก็ผ่านไปแล้ว 11 ปี เพราะความรักที่โดโน่ทุกคนส่งให้ เขาถึงได้ร้องเพลงบนเวทีแบบนี้ได้อยู่ จากนั้นเจ้าตัวก็กล่าวแนะนำพิธีกรบนเวทีในครั้งนี้ซึ่งก็คือพิธีกรอารมณ์ดีคนเดิมอย่างเจริญ แซ่จู ซึ่งพอขึ้นมาบนเวทีทั้งสองหนุ่มก็ทักทายกันอย่างเป็นกันเอง โดยแบคโฮเผยว่าไม่ได้พี่เอ็มซีมานานมากเลย ประมาณ 10 ปีเห็นจะได้ วันนี้เลยรู้สึกสบายใจมากเลยที่ได้พี่เจริญมาเป็นเอ็มซี ด้านเอ็มซีก็ชมกลับว่าภาษาไทยยังเก่งเหมือนเดิมเลยก่อนถามต่อว่ามาเตรียมอะไรมาบ้าง แบคโฮรีบตอบเลยว่า "ส้มตำ" เอ็มซีเลยถามว่าได้ข่าวว่าไปกินส้มตำมาแล้ว ซึ่งเจ้าตัวบอกว่าใช่ แต่จะบอกว่าเป็นคนที่ทานอาหารไทยบ่อย ไม่ได้เป็นเมนูที่นานๆ ทานที เพราะตอนมาประเทศไทยที่ถ่ายทำรายการตอนนั้นก็ได้ทานไปด้วยก่อนคอนเฟิร์มว่าอร่อยมากๆ เลย เสือขาวสุดหล่อบอกต่อว่าไม่ได้ขึ้นเวทีมานาน ครั้งนี้ได้กลับมาแบบฟูลแบนด์แบบนี้ก็เต็มไปด้วยความสุขครับ ตื่นเต้นมากๆ วันนี้แต่งตัวเร็วมากเลย ปกติถ้างานเริ่ม 6 โมงเย็นตัวเขาก็จะแต่งตัวเสร็จประมาณ 5 โมงครึ่งเพื่อแสตนด์บาย แต่วันนี้ทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมตั้งแต่ 5 โมง 10 นาทีแล้วซึ่งหมายความว่าเจ้าตัวอยากเจอทุกคนมากๆ นั่นเอง

        และวันนี้ของขวัญชิ้นแรกที่แบคโฮเตรียมให้กับทุกคนคือ 'สบู่กระดาษ' เจ้าตัวบอกว่าตอนแรกที่คิดเตรียมของขวัญก็คืออยากได้ที่พกพาสะดวกและใช้ได้จริงๆ และก็อยากให้มีดอกไม้ด้วย ก่อนถามแฟนๆ ในฮอลล์ว่ามีใครมีสบู่กระดาษบ้าง ใครมีสบู่ก็จะเหมือนกับมีแบคโฮอยู่กับคุณทุกที่ไม่ว่าจะเป็นเวลาล้างมือ ถ้าคิดถึงแบคโฮบ่อยๆ ก็ล้างมือถี่ๆ ซึ่งเจ้าตัวบอกว่าถ้าใครเป็นอย่างนั้นก็อย่าลืมทาครีมด้วยนะครับ 555 และของขวัญสำหรับปี 2023 ของเขาก็คืองานแฟนมีตติ้งแบบนี้ เป็นช่วงเวลาที่รอคอยมากๆ เป็นช่วงเวลาที่เขารู้สึกมีความสุขมากที่สุด อยากให้เกิดขึ้นเร็วที่สุด การที่ได้เจอแฟนๆ แบบนี้ ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ มันเหมือนของขวัญสำหรับตัวเขามากๆ และหวังว่าปีนี้จะได้มีโอกาสเจอกันบ่อยๆ เอ็มซีตาโตถามว่าพูดแบบนี้แสดงว่าจะมาอีกเหรอ หนุ่มหล่อเลยบอกเป็นภาษาไทยว่า "มีอีก" รวมไปถึง "มาอีก" พร้อมอ้อนขอโอกาสให้ได้มาประเทศไทยบ่อยๆ นะครับทุกคน

        นอกจากนี้แบคโฮยังไม่ลืมที่จะพูดถึงอัลบั้ม Absolute Zero โดยบอกว่าตอนปล่อยอัลบั้มรู้สึกตื่นเต้นแต่ว่าทำไมไม่รู้ มันรู้สึกสบายใจมากๆ อยากให้ทุกคนได้ฟังเพลงของเขาเร็วๆ หลังจากปล่อยอัลบั้มครั้งนี้ก็เป็นครั้งแรกที่ได้ร้องเพลงสดๆ ให้ทุกคนฟังเลยรู้สึกปลื้มมากๆ ตั้งใจทำเพลงให้ออกมาดีแล้วเห็นทุกคนชอบก็เลยรู้สึกดีใจ ถามต่อว่าอะไรที่จะประกอบรวมกันแล้วเป็น เจ้าตัวบอกว่าแน่นอนก็ต้องมีตัวเขาเองแบคโฮ, โดโน่, เพลง และก็ ดอกไม้ ว่าแล้วก็มีดอกไม้ขึ้นมาบนเวทีให้พ่อหนุ่มเสือขาวได้โชว์ฝีมือการ 'กรอบรูปดอกไม้' เพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึกว่าวันนี้ได้เกิดงานนี้ขึ้นมากับแฟนๆ โดโน่ไทย เจ้าตัวบอกว่าวันนี้เป็นงานมินิคอนเสิร์ตครั้งที่ 2 เพราะเคยไปมาแล้วที่ประเทศอื่น ทำให้รู้แล้วว่าต้องทำยังไง อาจจะทำแล้วดีขึ้นเรื่อยๆ โดยวันนี้มีดอกไม้ที่ชื่อว่า 'ดอกมากาเร็ต' สีแดง มีความหมายว่า 'ความรักอันซื่อสัตย์ที่ซ่อนอยู่ในใจ' ซึ่งอุปกรณ์ที่ใช้ทำกรอบรูปดอกไม้ก็จะมีดอกมากาเร็ต, ใบโคลเวอร์ 4 แฉกซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความโชคดีเพราะแบคโฮอยากจะมอบโชคดีให้กับทุกๆ คน เอ็มซีเหลือบไปเห็นใบโคลเวอร์มี 3 แฉก เจ้าตัวเลยแซวว่าแหม่ตาดีจริง (คุณเอ็มซี) แต่ความจริงมันต้องเป็น 4 แฉกนะแต่มันหลุดไปอันนึง ตอนนี้อุปกรณ์ในการทำครบแล้วจะขาดแค่ก็แค่เพลง เจ้าตัวบอกว่าตอนแรกกะร้องเพลงไปด้วยทำกิจกรรมไปด้วย แต่มันยากก็เลยต้องเปิดเพลงคลอไปด้วยซึ่งก็คือเพลง ‘We Don’t Care No More' ซึ่งเป็นเพลงที่อยู่ในมินิอัลบั้ม Absolute Zero ของเขานั่นเอง

        จากนั้นก็เริ่มกระบวนการทำกรอบรูป ต้องบอกว่าลีลาหยิบดอกไม้, ใบไม้ การทากาวติดกรอบรูปค่อนข้างชำนาญ แถมตอนทำยังถกแขนเสื้อเผยให้เห็นรอยสักสุดเท่ที่ข้อมือและแขน เรียกเสียงกรี๊ดจากสาวๆ โดโน่ไทยสนั่นฮอลล์ ซึ่งในการทำกรอบรูปดอกไม้ครั้งนี้ รูปที่ติดในกรอบรูปก็เป็นรูปที่ถ่ายในประเทศไทยครั้งนี้ที่มาและมีเขียนด้วยลายเมือเป็นภาษาไทยด้วยตัวเองว่า "มีความสุ_ขมากครับ" เป็นการเขียนตกบรรทัดแยกส.เสือ กับ ข.ไข่ แถมไม่มีสระอุ เจ้าตัวบอกรีบแก้ตัวว่า "ก็ที่มันเต็มอ่ะครับ แต่แค่ทุกคนรู้ว่าผมต้องการสื่ออะไรก็พอใจแล้ว" จริงมากจ้า เสร็จสรรพเรียบร้อยก็ถามแฟนๆ ว่าผมเก่งอยู่ใช่มั้ยครับ ครั้งที่แล้วได้มีโอกาสตกแต่งแต่ออกมาไม่ได้อย่างที่คิดไว้เลยครั้งนี้ก็เลยคิดอยากทำแบบนี้พร้อมบอกจะถ่ายรูปลงอินสตาแกรมให้รู้ว่าสิ่งนี้จะไปอยู่ตรงไหนของบ้าน ก่อนที่จะพาโดโน่เข้าสู่บทเพลงต่อไป ซึ่งคราวนี้เจ้าตัวเปลี่ยนชุดมาสำหรับบทเพลงเซ็ตถัดไปที่จะพาโดโน่ชาวไทยเข้าสู่เฟสติวัลเลยจัดเสื้อยืดสีดำสวมทับด้วยแจ็คเกตหนังดูเท่สุดๆ ไปเลย พร้อมกับบทเพลงอย่าง 'Festival In My Car', 'No Rules' และ 'Wanna Go Back'

        จบเพลงเซ็ตนี้เจ้าตัวบอกร้อนมากเลยพร้อมถามแฟนๆ ว่าไม่ร้อนเหรอครับ ก่อนจะแนะนำเพลงที่ร้องทั้ง 'No Rules' ที่เป็นเพลงไตเติ้ลในอัลบั้มของเจ้าตัว รวมไปถึง 'Festival In My Car' และ 'Wanna Go Back' ก่อนที่เอ็มซีจะขึ้นมาบนเวทีอีกครั้งพร้อมชมแบคโฮว่าเท่สุดๆ ไปเลยพร้อมให้พ่อเสือหนุ่มซับเหงื่อที่ไหลเป็นน้ำพร้อมถามว่าเหนื่อยมั้ย เจ้าตัวบอกไม่เหนื่อยเลย "ผมว่าเวลาอยู่บนเวทีก็จะไม่ค่อยรู้สึกว่าเหนื่อยเพราะว่าเรารู้สึกดีมากๆ ที่ได้มีโอกาสอยู่กับโดโน่ชาวไทยแบบนี้ บอกตรงๆ เวลาเล่นคอนเสิร์ตมีบางช่วงที่รู้สึกเหนื่อย แต่ว่าเพราะเอเนอร์จี้ของทุกๆ คนและความรักทำให้ลืมไปเลยว่าเหนื่อย แต่หลังคอนเสิร์ตรู้สึกเหนื่อย แต่ตอนนี้ไม่รู้สึกอะไรเลย" น่ารักสุดๆ ไปเลย ทำกรอบรูปดอกไม้ไปแล้ว เอ็มซีเจริญเลยอยากให้แบคโฮได้ฟังความรู้สึกจากแฟนๆ ที่ได้เขียนบรรยายเป็นสตอรี่เล็กๆ ถึงเจ้าของงานในวันนี้บ้าง โดยมี 2 เรื่องเล่าให้ฟัง

        เรื่องแรก "ฉันไปเที่ยวที่เกาะเชจูมาค่ะ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของแบคโฮนะคะ ฉันได้รับทั้งประสบการณ์ที่แปลกใหม่และก็สนุกสนานเพียบเลยค่ะ ฉันมองดูวิวทิวทัศน์ที่สวยงามกับทะเลสีคราม พลางคิดไปว่า อ๊ะ มิน่าล่ะ ทำไมแบคโฮถึงได้น่ารักขนาดนี้ เป็นเพราะแบคโฮ ฉันก็เลยได้รับความทรงจำดีๆ และแรงบันดาลใจที่ดีมากมายเลย ขอบคุณนะคะ" เรียกว่าเอ็มซีอ่านสตอรี่ของโดโน่ได้เข้าถึงอารมณ์จนแบคโฮอดแซวไม่ได้ว่าพี่เขียนเองหรือเปล่าเนี่ย? 555 ก่อนบอกต่อว่าเขาเกิดที่เกาะเชจู มีแฟนๆ เคยบอกว่า เคยไปในที่ๆ เขาเคยไปมาด้วย เกาะเชจูสวยงามมากๆ เรื่องที่จะบอกก็คือมีทีมงานของเขาคนนึงที่มีรูปหรือสติกเกอร์ที่เกี่ยวกับตัวเขาได้ไปที่เกาะเชจูและเอาไอแพดที่มีรูปของเขาเครื่องนั้นไปด้วย ปรากฏว่าโดโน่ท่านนึงเห็นโน้ตบุ๊คที่มีสติกเกอร์ก็เลยถามสตาฟฟ์ว่า "เป็นโดโน่ด้วยใช่มั้ย" และสตาฟฟ์ก็ตกใจมากๆ ก็เลยตอบไปว่า "ใช่ค่ะ" 555 ก่อนบอกต่อว่าสตาฟฟ์คนนี้เป็นคนที่ตั้งใจทำงานมากๆ เพื่อที่จะหาโอกาสให้ได้มีกิจกรรมและได้เจอแฟนๆ มากขึ้น เจ้าตัวบอกว่าได้ยินเรื่องนี้แบบนี้ก็รู้สึกว่าน่ารัก แค่คิดก็น่ารักแล้ว เอ็มซีถามต่อว่าได้ยินมาว่าแบคโฮเคยคิดจะสร้างฐานทัพลับบนเชจูจริงมั้ย แบคโฮแจงว่า คนเกาหลีจะมีคำเฉพาะที่ใช้บรรยายถึงสถานที่ๆ เราอยากจะไปเมื่อไหร่ก็ไปได้ เป็นสถานที่พักผ่อนของเรา เป็นสถานที่ของเราเอง เจ้าตัวก็เลยมีเหตุผลที่อยากทำแบบนั้น อย่างที่บอกไปว่าเจ้าตัวเดบิวต์ได้ 11 ปีแล้ว หมายความว่าเขาย้ายออกมาอยู่ที่โซลก็นานมากแล้ว ที่บ้านคุณพ่อคุณแม่ก็เลยไม่มีห้องของเขาแล้ว เวลากลับบ้านก็เลยต้องนอนโซฟา (โถ!) ก็เลยอยากมีสถานที่ของเราเองบนเกาะเชจู เพราะเวลานอนโซฟาที่บ้านตอนคุณแม่หรือน้องเปิดประตูมาเข้าห้องน้ำ เจ้าตัวก็จะตื่น ช่วงนี้คุณแม่ติดยูทูบหนักมากแล้วเป็นคนไม่ชอบปิดประตูทั้งหมด เสียงทั้งหมดที่เล็ดลอดออกมาก็จะได้ยินเวลานอนโซฟา ก็เลยคุยกับตัวเองว่าเราต้องรีบหาให้ได้ เพราะการใช้ชีวิตของแต่ละคนในครอบครัวก็เริ่มจะไม่เหมือนกันแล้ว

        จากนั้นก็มาถึงสตอรี่ที่ 2 "เมื่อเร็วๆ นี้ฉันได้เดินทางท่องเที่ยวไปที่สก็อตแลนด์ด้วยรถยนต์เพียงลำพังค่ะ แล้วเพลย์ลิสต์ในรถก็เต็มไปด้วยเพลงของแบคโฮกับเพลงที่แบคโฮแนะนำทั้งนั้นเลย เพราะแบบนี้แหละค่ะเลยทำให้การเดินทางมีความสุขมากๆ เลยค่ะพี่แบคโฮ ได้เห็นทิวเขาที่สวยงาม ประทับใจไปกับวิวเท่ๆ และก็ยังไปร้านอร่อยที่ตั้งใจจะไปด้วย คนที่ชื่นชอบการขับรถอย่างคุณแบคโฮเองก็ไว้ลองไปสก็อตแลนด์ดูนะคะ" ฟังสตอรี่นี้แล้วเจ้าตัวเลยอดที่จะถามอย่างอารมณ์ดีไม่ได้ว่า "อันนี้มาอวดเหรอครับ (หัวเราะ) สก็อตแลนด์เป็นไงบ้างครับ ก็อยากลองไปนะครับ ถ้ามีโอกาสผมก็จะไปสก็อตแลนด์ ด้วยรถยนต์เพียงลำพัง ฟังเพลงที่เต็มไปด้วยเพลย์ลิสต์ของผม แล้วก็ชมวิวสวยงามแบบที่คุณคนนี้ทำนะครับ ผมเป็นคนที่ชอบแนะนำเพลงให้คนอื่นฟัง เพราะผมว่าถ้าเรารู้ว่าคนๆ นั้นชอบฟังเพลงแบบไหนหรือแนะนำเพลงแบบไหนเราก็จะรู้ว่าคนนี้คิดอะไรอยู่ แต่จะบอกว่าอิจฉาคนที่ไปสก็อตแลนด์มากๆ เลย (หัวเราะ)" จบจาก 2 สตอรี่สุดประทับใจก็ได้เวลาที่เอ็มซีจะบอกลาเพราะเป็นช่วงสุดท้ายของงานแล้ว แบคโฮปรบมือให้กับพิธีกรคนเก่งและให้แฟนๆ ปรบมือด้วยก่อนที่จะบอกต่อว่าได้เห็นแฟนๆ ยิ้มเวลาที่เจ้าตัวยิ้มก็อยากจะขอบคุณแฟนๆ ทุกคนมากๆ เลย เพลงต่อไปจะเป็นของขวัญสำหรับโดโน่ไทย สำเนียงอาจจะไม่เป๊ะ แต่ตั้งใจเตรียมมาเพื่อแฟนๆ ชาวไทยโดยเฉพาะเลย แต่ก่อนจะที่เจ้าตัวจะเข้าสู่บทเพลงถัดไปก็มีเซอร์ไพรส์จาก “โดโน่ไทย” กับโปรเจกต์ ชูสโลแกนข้อความว่า "รอยยิ้มของแบคโฮคือความสุขของพวกเรา" พร้อมเปิด VCR ที่รวบรวมผลงานของแบคโฮในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งบอกได้ถึงความรู้สึกภูมิใจ ความขอบคุณในตัวไอดอลของพวกเขา และพร้อมจะสนับสนุน “แบคโฮ” อยู่ตรงนี้เสมอ เป็นโปรเจกต์ที่อบอุ่น ที่หนุ่ม “แบคโฮ” ก็รู้สึกขอบคุณมากๆ เช่นกัน ซึ่งเจ้าตัวก็เปิดใจว่า

        “เหมือนฝันมากเลยครับ ขอบคุณมากๆ เลยครับ ตอนที่เห็นคลิปวิดีโอที่ทุกคนเตรียมมาเป็นแฟนโปรเจ็กต์ ผมได้ทำกิจกรรมหลากหลายมากๆ แต่ก็ยังมีอีกหลายอย่างที่ผมยังไม่เคยทำหรือไม่เคยลอง เวลาจะทำอะไรผมจะเป็นคนที่ขี้กลัวนิดนึง ไม่ใช่แบบเฮ้ย! ทำเลยเริ่มเลย แต่ทุกครั้งที่มีโอกาสสำหรับกิจกรรมใหม่ๆ ผมตัดสินใจเริ่มทำเพราะว่ามีโดโน่อยู่เคียงข้างผม ผมเลยรู้สึกอุ่นใจ เป็นกำลังใจสำหรับผมมากๆ เลย การได้ยืนอยู่บนเวทีนี้ เป็นช่วงเวลาที่ผมมีความสุขมากที่สุด ไม่ใช่แค่บนเวทีแต่ทุกคนส่งความรัก กำลังใจให้ผมเสมอ แบบที่ทุกคนได้เห็นในวิดิโอ เพราะความรักของทุกคนเลยทำให้ผมได้มีเป็น MC บ้าง ได้ถ่ายรายการกอล์ฟ แม้จะไม่เก่งมาก แต่เพราะทุกคนคอยส่งเอเนอร์จี้ดีๆ ให้เวลาผมเริ่มต้นอะไร แม้จะตื่นเต้นแต่ก็ทำให้ผมกล้าที่จะทำมากขึ้น ผมกล้าพูดว่า จะลองทำให้ดูดีที่สุดเพราะทุกคนเลยครับ ก็เลยอยากขอบคุณมากๆ เลยนะครับ ขอบคุณสำหรับแฟนโปรเจ็กต์ ตอนนี้ถึงตาผมแล้วที่จะมอบของขวัญให้ทุกๆ คนนะครับ ตั้งใจฟังกันนะครับ ขอบคุณครับ” ของขวัญที่ว่าก็คือคัฟเวอร์เพลง “กีดกัน” จากศิลปิน Billkin (บิวกิ้น) ซึ่งพ่อหนุ่มเสือขาวก็ทำได้ดี ทั้งการออกเสียงภาษาไทยและการสื่ออารมณ์ จนแฟนๆ ยกนิ้วให้คะแนน 10 เต็ม 10 ไปเลย!

        จบเพลงเจ้าของงานถามว่าทุกคนเข้าใจมั้ย ฟังออกใช่มั้ย ก่อนบอกว่างานวันนี้ใกล้จะจบลงแล้วนะ รู้สึกเสียดายมากเลยใช่มั้ย "ตอนที่เตรียมงานคอนเสิร์ตนี้ อยากให้เริ่มงานเร็วๆ เพราะอยากจะเจอทุกคนเร็วๆ แต่พอเริ่มแล้วก็ไม่อยากให้งานนี้จบลงเลย ผมรู้สึกแบบนี้เพราะผมมีความสุขมากๆ ความทรงจำดีๆ ที่เราสร้างด้วยกัน ผมจะจดจำไปอีกนานเลยนะครับครับ (ภาษาไทย) “ผมมีความสุข” (ภาษาไทย) ผมมีความสุขมากเลยจริงๆ ถึงเวลาแล้วที่เราต้องลากันนะครับ รู้สึกเสียดายมากๆ เหมือนกันนะครับ ผมก็เลยหวังว่าจะมีโอกาสกลับมาหาทุกคนเร็วๆ นี้นะครับ ขอบคุณโดโน่ทุกคนมากๆ เลยครับ วันนี้ผมมีความสุขมากเลยครับ ตอนแรกผมตั้งใจอยากจะมอบฮันนี่เดย์ให้ทุกคน แต่รู้สึกว่าวันนี้เป็นฮันนี่เดย์ของผมครับ ขอบคุณมากเลยนะครับ หวังว่าทุกคนจะจดจำวันนี้ไปนานๆ นะครับ เหตุผลที่ผมตั้งใจทำงานเพราะมีโดโน่อยู่เคียงข้าง พร้อมให้กำลังใจ คอยส่งพลังงานดีๆ มาให้ผมเสมอมา ผมสัญญาว่าจะเป็นศิลปินที่มอบเอเนอร์จี้ดีๆ ให้กับทุกๆ คนด้วยนะครับ" ก่อนที่จะเชิญชวนโดโน่ในฮอลล์ถ่ายรูปด้วยกันอีกทั้งยังเชิญแบนด์ทุกคนมาถ่ายรูปด้วยเช่นกัน พร้อมอ้อนปิดท้ายว่า "ผมจะเก็บรูปที่ถ่ายกับโดโน่ชาวไทยไว้นานๆ เลยนะครับ หวังว่าเราจะได้มีโอกาสถ่ายรูปด้วยกันแบบนี้บ่อยๆ นะครับ" จากนั้นเจ้าตัวก็ขอลาไปด้วยบทเพลงสุดท้ายที่โชว์พลังเสียงสุดยอดอย่าง 'Need it'

        แน่นอนว่าโดโน่ไทยไม่ยอม ตะโกนอังกอร์ให้เจ้าตัวกลับขึ้นมาอีกครั้ง และก็ไม่ผิดหวังเจ้าตัวกลับขึ้นมาพร้อมชุดใหม่สีขาวเซ็กซี่พร้อมบทเพลงที่แฟนๆ คิดถึงอย่าง Hello! ของวง NU'EST ซึ่งเจ้าตัวบอกว่า "สำหรับผมเป็นเพลงที่พิเศษมากๆ มีความหมายมากๆ เลย สำหรับโดโน่ก็เหมือนกันใช่มั้ยครับ ก็เลยเตรียมมาให้ทุกคนได้ฟังกันสดๆ ตอนนี้มาถึงเพลงสุดท้าย พวกเราก็ต้องลากันจริงๆ แล้ว ผมเสียดายมากเลย ให้ผมเล่าให้ฟังมั้ยว่ามาถึงประเทศไทยแล้วผมได้ทำอะไรบ้าง ครั้งนี้มาประเทศไทยผมก็ทานยาคูลท์นะครับ ผัดไทยก็ทานแล้วนะครับ โรตีก็ทานนะครับ อยู่ที่ประเทศไทยผมมีความสุขมากๆ และก็ได้ขึ้นเวทีแบบนี้ด้วย แต่ที่มีความสุขมากๆ ก็คือการได้เจอโดโน่ชาวไทยแบบนี้นะครับ ระหว่างเตรียมงานเพือประเทศไทย พวกเราทุกคนรวมถึงทีมงานรู้สึกมีความสุขมากๆ และก็ตอนที่มาถึงประเทศไทยทุกคนก็รู้สึกมีความสุขมากๆ เหมือนกันเลยล่ะครับ เพลงวันนี้เพราะทุกเพลงเลยใช่มั้ยครับ ผมก็ชอบมากเหมือนกัน ก็เลยอยากจะแนะนำทีมแบนด์ทีละคนให้ทุกคนได้รู้จักกันนะครับ" นอกจากนี้เจ้าตัวก็ไม่ลืมที่จะขอบคุณทีมงานโปรดักชั่นทุกคนเลย รวมไปถึงคนที่พิเศษมากที่สุด ที่ส่งเสียงกรี๊ดดังมากที่สุดก็คือโดโน่ทุกคนนั่นเอง และก็ขอบคุณตัวเองด้วยก่อนบอกต่อว่าไม่อยากให้งานวันนี้จบแบบเศร้าๆ อยากให้ทุกคนยิ้ม เพลงสุดท้ายเป็นเพลงร่าเริงๆ อยากให้ทุกคนสนุกกันเต็มที่เลย "ขอลากันตรงนี้ ทุกคนกลับบ้านกันดีๆ นะครับขอบคุณสำหรับช่วงเวลาที่มีความสุขมากๆ เลยนะครับ 'ขอบคุณครับ' 'คัมซาฮัมนีดา' และบทเพลงสุดท้ายในวันนี้ก็คืออีกบทเพลงที่แฟนๆ คิดถึงของวง NU'EST อย่าง DRIVE ที่แฟนๆ ยังได้ร่วมเปิดแฟลชจากมือถือและร้องคลอไปตลอดทั้งเพลงอีกด้วย

        Good Boy กว่านี้ไม่มีอีกแล้ว เป็นคำสัญญาที่สัมผัสถึงความรู้สึกจริงใจที่มีต่อโดโน่มากๆ เชื่อว่า “โดโน่ไทย” จะจดจำวันที่เต็มไปด้วยเรื่องราวดีๆ เหล่านี้ไปอีกนาน จนกว่าจะพบกันใหม่อีกครั้งแน่นอน สำหรับการแสดงศิลปินต่อๆไปจะเป็นใครนั้น โปรดติดตาม ทาง https://www.facebook.com/DSHOWTHAILAND และ Twitter @DshowThailand เพื่อให้ท่านไม่พลาดทุกการแสดง

#BAEKHoneyDAY_inBKK #백호 #BAEKHO #แบคโฮ
#Absolute_Zero #No_Rules #dOnO_TH
#DSHOW_Thailand #BestWarinForYou #BRWForYou

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้